ทักษะการไกล่เกลี่ย ... พระไพศาล วิสาโล
ทำความ เข้าใจเรื่องความขัดแย้ง
ความขัดแย้งแบ่งเป็น ๕ ประเภท คือ
๑. ความขัดแย้งทางด้านผลประโยชน์ เช่น เรียกร้องค่าแรง ประท้วงเพิ่มราคามัน คัด ค้านการสร้างเขื่อนเพราะทำให้สูญเสียที่ทำกิน
๒. ความขัดแย้งทางด้านความสัมพันธ์ เช่น ความขัดแย้งในครอบครัว ลูกจ้างไม่พอใจนายจ้างที่ไม่ให้เกียรติหรือพูดจาไม่สุภาพ
๓. ความขัดแย้งทางด้านข้อมูล เช่น ผิดใจกันเนื่องจากได้ข้อมูลไม่ตรงกัน หรือไปเชื่อข่าวลือ ขัดแย้งเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เพราะมองเห็นคุณและโทษต่างกัน
๔. ความขัดแย้งด้านคุณค่า คือ มองเห็นความสำคัญต่างกัน เช่น เอ็นจีโอต้องการอนุรักษ์ป่า แต่รัฐบาลต้องการไฟฟ้าหรือมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรม
๕. ความขัดแย้งเชิงโครงสร้าง เช่น ขัดแย้งเกี่ยวกับการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
วัตถุประสงค์ของ การไกล่เกลี่ย
คือเพื่อระงับความขัดแย้งที่มีบุคคลหลายฝ่ายมาเกี่ยวข้อง
ผู้ไกล่เกลี่ยจึงจำต้องเข้าใจว่า เป็นความขัดแย้งประเภทไหน มีสาเหตุจากอะไร จึงจะสามารถระงับความขัดแย้งได้
หน้าที่ผู้ไกล่ เกลี่ย
คือสร้างเงื่อนไข บรรยากาศ ที่เอื้ออำนวยให้คู่ขัดแย้งมาเจรจาและแสวงหาทางออกร่วมกัน ที่พอใจของทุกฝ่าย
วิธีการของผู้ไกล่เกลี่ย
ก.ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง
- แยกคู่ขัดแย้งออกห่างจากกันในกรณีที่มีการเผชิญหน้ากัน
- ระงับอารมณ์ของคู่ขัดแย้งไม่ให้เกิดโทสะต่อกันและกัน
- ดำเนินการให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนมาเจรจา หรือประสานให้มีการเจรจากับบุคคลที่เกี่ยวข้อง
- แบ่งกำลังคุมสถานการณ์ให้เพียงพอในขณะที่มีการเจรจากัน
ข.บนโต๊ะเจรจา
- จัดหาสถานที่ที่เป็นกลางและสะดวกต่อการเจรจา ในเวลาที่เหมาะสม
- เป็นผู้เริ่มต้นการเจรจา ไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มก่อน (เพราะอาจ ทำให้เสียบรรยากาศหรือความรู้สึกได้)
- สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เอื้อต่อการเจรจา
- สร้างความเป็นมิตรในหมู่ผู้ร่วมเจรจา
- ให้เกียรติผู้ร่วมเจรจา
- ต้องควบคุมอารมณ์ของตนได้ และระวังอคติ ๔ ในใจตน
- วางตัวเป็นกลาง แต่ไม่ใช่ไร้ความรู้สึก ควรมีเมตตาและความเห็นอกเห็นใจทุกฝ่าย
- ช่วยให้คู่ขัดแย้งตระหนักถึงปัญหาและความต้องการของอีกฝ่าย รวมทั้งเห็นใจซึ่งกันและกัน
- กระตุ้นหรือช่วยให้คู่ขัดแย้งค้นพบทางเลือกของตัวเอง
- ดำเนินการให้ทุกฝ่ายได้พูดอย่างเท่าเทียมกัน เช่น สลับกันพูด
- ไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งครอบงำการประชุม หรือพูดจายั่วยุคนอื่น ดูแลไม่ให้มีการโจมตีกล่าวร้ายซึ่งกันและกัน
- ไม่ครอบงำการประชุมเสียเอง เช่น พูดคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ หรือเอาความเห็นของตัวเป็นหลัก ยัดเยียดข้อเสนอของตัวให้คู่ขัดแย้ง หรือทำตัวเป็นศาล ตัดสินชี้ขาดว่าใครถูกใครผิด
- ไม่ใช้วิธีลงคะแนนเสียงเพื่อหาข้อสรุป
- ไม่ทิ้งเสียงส่วนน้อย
- ทบทวนข้อสรุปให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน ก่อนจะเลิกประชุม
ที่มา http://www.visalo.org/article/P_Taksa.htm